ระบบการดับเพลิงที่มีกลไกเฉพาะเพื่อใช้งานเมื่อเกิดเหตุการณ์ไฟไหม้ ระบบนี้มีความสำคัญสำหรับสถานการณ์ที่มีอุณหภูมิต่ำและมีความเสี่ยงที่น้ำในท่ออาจเข้าสู่สภาพแวดล้อมเป็นน้ำแข็ง ในกรณีนี้ ระบบท่อแห้งจะป้องกันไม่ให้น้ำเข้าไปในท่อจนกว่าจะมีการระบายอากาศอัดหรือไนโตรเจนเกิดขึ้นเพื่อกระตุ้นการใช้งานของระบบเป็นอย่างมีประสิทธิภาพ ขั้นตอนการทำงานของระบบนี้สามารถแบ่งเป็นขั้นตอนต่อไปนี้
1. สถานะสแตนด์บาย
ระบบท่อแห้งจะมีอากาศอัดหรือไนโตรเจนอยู่ภายในท่อแห้ง แรงดันของอากาศนี้จะสูงกว่าแรงดันน้ำประปาที่เข้าสู่ระบบ การรักษาแรงดันสูงในท่อแห้งเป็นสิ่งสำคัญเพื่อให้ระบบทำงานอย่างเหมาะสม และปกติอากาศอัดจะอยู่ที่จุดที่น้ำเข้าสู่ท่อแห้ง
2. การตรวจจับไฟ
เมื่อมีเพลิงไหม้เกิดขึ้น ความร้อนจะทำให้หัวสปริงเกอร์ในบริเวณที่ได้รับผลกระทบเริ่มทำงาน อุณหภูมิที่ทำให้สปริงเกอร์ทำงานมักอยู่ระหว่าง 155°F ถึง 165°F (68°C ถึง 74°C) สำหรับสปริงเกอร์มาตรฐานทั่วไป
3. การปล่อยอากาศ/ไนโตรเจน
เมื่อหัวสปริงเกอร์เปิดใช้งาน อากาศอัดหรือไนโตรเจนที่อยู่ภายในท่อแห้งจะเริ่มระบายออกจากสปริงเกอร์แบบเปิด เมื่ออากาศหรือไนโตรเจนระบายออก แรงดันในระบบจะลดลง
4. เริ่มทำงาน
เมื่อความดันในท่อลดลงเพียงพอ (มักจะรักษาความแตกต่างของความดันอยู่ที่ 6:1 ซึ่งหมายความว่าความดันอากาศในระบบจะเป็นประมาณหนึ่งในหกของแรงดันน้ำที่เข้ามา) วาล์วท่อแห้งจะทำงาน วาล์วนี้จะเปลี่ยนจากสถานะปิดเป็นสถานะเปิด เพื่อให้น้ำไหลเข้าสู่ระบบ
5. การไหลของน้ำ
เมื่อวาล์วเปิด น้ำจะไหลผ่านระบบท่อไปถึงหัวสปริงเกอร์ที่เปิดใช้งานเพื่อดับไฟ ความล่าช้าระหว่างการเปิดใช้งานสปริงเกอร์และการระบายน้ำอาจมีตั้งแต่ไม่กี่วินาทีไปจนถึงหลายนาที ขึ้นอยู่กับขนาดของระบบและปริมาณอากาศหรือไนโตรเจนที่ต้องระบาย
ระบบสปริงเกอร์แบบท่อแห้งเป็นระบบที่มีประสิทธิภาพในการป้องกันการไหม้ในสภา
บทความนี้จะเรียบเรียงข้อมูลเกี่ยวกับวาล์วท่อแห้งและส่วนประกอบสำคัญของระบบสปริงเกอร์แบบท่อแห้ง ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญในการทำให้ระบบท่อแห้งทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ
วาล์วท่อแห้ง
วาล์วท่อแห้งเป็นส่วนสำคัญของระบบ มันทำงานโดยรักษาแรงดันอากาศหรือไนโตรเจนภายในท่อแห้ง โดยทั่วไปแล้วจะรักษาแรงดันอากาศหรือไนโตรเจนในระดับประมาณ 12 psi หากน้ำประปามีแรงดันที่ 72 psi การรักษาแรงดันเหล่านี้เป็นสิ่งสำคัญเพื่อให้ระบบทำงานอย่างเหมาะสมและมีประสิทธิภาพ
อุปกรณ์บำรุงรักษาอากาศ
อุปกรณ์นี้มีหน้าที่รักษาแรงดันของอากาศหรือไนโตรเจนในระบบให้เสมอ แรงดันเหล่านี้มักจะอยู่ระหว่าง 20-40 psi แต่อาจมีความแตกต่างขึ้นอยู่กับการออกแบบระบบและปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อม
ตัวเร่ง
ตัวเร่งเป็นอุปกรณ์ที่ช่วยในการปล่อยอากาศหรือไนโตรเจนได้เร็วขึ้นเพื่อเร่งการทำงานของวาล์วท่อแห้ง ตัวเร่งสามารถตรวจพบแรงดันที่ลดลงอย่างรวดเร็วและช่วยเพิ่มแรงดันให้วาล์ว
การระบายน้ำที่ต่ำสุด (low-point drain)
การระบายน้ำที่ต่ำสุดเป็นส่วนสำคัญในระบบท่อแห้ง มักติดตั้งที่จุดต่ำสุดในระบบ เพื่อให้สามารถระบายน้ำที่ควบแน่นหรือน้ำที่ตกค้างหลังจากการเปิดใช้งานหรือทดสอบระบบ
ความดันอากาศควบคุมสูงสุด
ความดันอากาศควบคุมสูงสุดโดยทั่วไปจะกำหนดไว้ประมาณ 60 psi แต่ตัวเลขนี้อาจแตกต่างไปตามส่วนประกอบของระบบและข้อควรพิจารณาในการออกแบบ
อุณหภูมิการเปิดใช้งานสปริงเกอร์
สปริงเกอร์มาตรฐานมักจะเปิดใช้งานที่อุณหภูมิประมาณ 155°F ถึง 165°F (68°C ถึง 74°C) หรือ 135°F หรือ 200°F โดยต่างกันไปตามการออกแบบและข้อกำหนดด้านการใช้งานของระบบ
ข้อมูลเหล่านี้เป็นสิ่งสำคัญในการเข้าใจระบบสปริงเกอร์แบบท่อแห้งและการรักษาสภาพแวดล้อมให้ปลอดภัยโดยใช้ระบบนี้ในสถานที่ที่มีความเสี่ยงต่อการไหม้หรือการต่ำแค่งของน้ำในท่อแห้ง
ข้อควรพิจารณาในการออกแบบและใช้งานระบบสปริงเกอร์แบบท่อแห้งในสถานที่ต่างๆ
เวลาส่งน้ำ
-
- ระบบขนาดเล็กมักมีเวลาล่าช้าเพียง 30-60 วินาทีเมื่อเปิดใช้งาน
- ระบบขนาดใหญ่อาจต้องรอหลายนาทีก่อนที่น้ำจะเริ่มระบาย
- ควรพิจารณาปัจจัยนี้ในการออกแบบระบบ โดยเฉพาะในพื้นที่ที่การดับเพลิงรวดเร็วเป็นสิ่งสำคัญ
อัตราส่วนอากาศต่อน้ำ
-
- อัตราส่วนปริมาตรของอากาศต่อน้ำในระบบมีผลกระทบต่อความไวและเวลาตอบสนอง
- ปริมาณอากาศที่สูงอาจส่งผลให้การตอบสนองช้าลงเนื่องจากต้องใช้เวลาในการระบายอากาศ
ข้อควรพิจารณาเกี่ยวกับแรงดันน้ำ
-
- ความดันอากาศในท่อต้องได้รับการตรวจสอบอย่างพิถีพิถัน
- โดยทั่วไป แนะนำให้ความดันอากาศควบคุมสูงสุดอยู่ประมาณ 60 psi
- แต่ตัวเลขนี้อาจแตกต่างไปขึ้นอยู่กับการออกแบบระบบและสถานที่การติดตั้ง
ข้อดีของระบบสปริงเกอร์แบบท่อแห้ง
-
- การป้องกันการแข็งตัว : ระบบนี้เหมาะสำหรับสถานการณ์ที่มีแนวโน้มที่จะกลายเป็นน้ำแข็ง
- ลดการทำงานผิดพลาด : เนื่องจากไม่มีน้ำอยู่ในท่อตลอดเวลา ลดความเสี่ยงจากการเสียหายที่เกิดจากน้ำโดยไม่ได้ตั้งใจ
- ความน่าเชื่อถือ : ในกรณีที่ได้รับการบำรุงรักษาอย่างถูกต้อง ระบบสปริงเกอร์แบบท่อแห้งมักมีความน่าเชื่อถือสูงในสถานการณ์ที่หลากหลาย
จุดด้อยของระบบสปริงเกอร์แบบท่อแห้ง
-
- การจ่ายน้ำล่าช้า : มีความล่าช้าตั้งแต่เวลาที่สปริงเกอร์เปิดใช้งานไปจนถึงเวลาที่น้ำถูกระบายออก
- ความซับซ้อน : ระบบนี้ซับซ้อนกว่าระบบท่อเปียกแบบพื้นฐาน ซึ่งต้องการส่วนประกอบเพิ่มเติมและการพิจารณาการออกแบบที่ซับซ้อนมากขึ้น
- ค่าใช้จ่าย : ระบบสปริงเกอร์แบบท่อแห้งมักมีราคาแพงในการติดตั้งและบำรุงรักษามากกว่าระบบท่อเปียกแบบพื้นฐาน